|
|
 |
อาจารย์เสริมลาภ วสุวัต
วันเสาร์ตามเวลานัด ทีมงาน ๑๐๘ พรรณไม้ไทย เลี้ยวรถเข้าไปใน ซอยติวานนท์ 46 มองทางซ้ายมือไปตามทาง เห็นบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีต้นไม้ร่มรื่น
สระบัวหลากสีและบัวกระด้งใบใหญ่ อ่างบัวเรียงรายตามแนวรั้วบ้านและรอบสระบัว
โดยเฉพาะอ่างบัวใบใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 2 เมตร ซึ่งเราไม่เคยเห็นอ่างบัวที่ไหนใหญ่เท่านี้มาก่อน
ก็รู้ทันทีว่าต้องเป็นบ้านหลังนี้แน่นอน เมื่อเหลือบเห็นป้ายอักษรที่ติดไว้อยู่ริมรั้วหน้าบ้านจึงมั่นใจว่าไม่ผิดแน่
"บ้านปางอุบล" ที่ อาจารย์เสริมลาภ ท่านบอกว่า
"ผมเปิดบ้านรับแขกทุกวันเสาร์คุณมาได้เลย"
อาจารย์เสริมลาภ วสุวัต บุคคลที่ผู้คนในวงการไม้ดอกไม้ประดับรู้จักกันดีว่าเป็น
ปรมาจารย์แห่งบัวประดับของเมืองไทย ท่านได้เล่าถึงสาเหตุที่มาปลูกเลี้ยงบัวว่า
"แต่เดิมคุณแม่กับผมปลูกไม้ดอกขายประเภท หน้าวัว หวาย และดอกไม้จากต่างประเทศพวกแกลดิโอลัส
แอสเตอร์ ต่อมาเมื่อประมาณปี 2512 ต้องไปรับราชการอยู่ปักษ์ใต้ เพราะจะต้องอยู่ปักษ์ใต้ครึ่งเดือนอยู่กรุงเทพฯ
ครึ่งเดือน พวกหวาย หน้าวัวที่ปลูกไว้ไม่มีคนรดน้ำ ก็เลยโละเรือนกล้วยไม้ให้พรรคพวกไปหมด
ก็มาคิดว่าจะปลูกอะไรดี มาคิดว่าบัวนี่ปลูกใส่อ่างไม่ต้องรดน้ำ
บัวเป็นพืชที่ไม่เหมือนชาวบ้าน มีสารพัดอย่าง มีสารพัดสี มีทั้งบานกลางวัน
บานกลางคืน ไม่เหมือนพืชชนิดอื่นที่บานแล้วก็เลิกกัน บัวนี่บานแล้วหุบ บานแล้วหุบ
พวกบานกลางคืน บานหัวค่ำ บานรุ่งเช้า ก็เลยมาเล่นบัว แต่หลักใหญ่ก็คือว่ามันเป็นต้นไม้ที่เราไม่ต้องรดน้ำทุกวัน"
 |
"สาเหตุที่ 2 ก็คือ ต้องการตรวจสอบด้วยว่าบัวที่เราเรียกชื่อภาษาไทยนั้นเป็นบัวของเราหรือเอามาจากเมืองนอก
บางชนิดรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่ของบ้านเราแต่ทำไมมีชื่อไทย คนปลูกขายเขานำเข้ามาแล้วตั้งชื่อไทย
ในสมัยนั้นนิยมตั้งชื่อไทย นำพันธุ์มาจากต่างประเทศขยายพันธุ์ ขยายพันธุ์เสร็จก็ตั้งชื่อไทยเลย"
|
ด้านการปลูกเลี้ยงบัว อ.เสริมลาภ ท่านมีเทคนิคง่ายๆ คือ "เอาดินเหนียวมาแบ่งเป็นก้อน
ผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก จะเป็นมูลวัว มูลควาย มูลเป็ด มูลไก่ ได้ทั้งนั้น
จากนั้นโรยปุ๋ยละลายช้าประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วกลบดินทับอีกชั้นกดพอแน่น
บัวฝรั่งจะโตทางนอนจึงควรปลูกริมอ่าง ต้นหรือเหง้าที่แยกมาจากต้นแม่หากมีรากเยอะ
เด็ดรากทิ้งบ้างก็ได้ การปลูกให้ฝังหน้าเหง้าให้วิ่งไปกลางอ่างแล้วใช้ตะเกียบ
(ไม้ไผ่ยาวประมาณ 1 ฟุต หักให้เป็นรูปตัววี ซึ่งอาจารย์เรียกว่าตะเกียบ)
ปักยึดเหง้าบัวกับดินกันลอย หลังจากนั้นประมาณ 10 วันเมื่อรากยึดดินดีแล้ว
จึงดึงตะเกียบออก หากไม่ดึงออกไม้ไผ่เป็นไม้ที่ตายแล้วมันจะมีตะไคร่ลงไปกิน
ถ้าไม่เอาออกเป็นกระจุกของตะไคร่แล้วยอดจะไม่โผล่ เราจะฝังยอดอยู่ใต้ดินประมาณ
1 นิ้ว แต่เมื่อกดดินจะเหลือประมาณครึ่งนิ้ว จากนั้นหากมีป้ายชื่อบัว
ให้ปักไว้ด้านตรงข้ามกับหน้าเหง้าบัว คือเหง้าวิ่งไปทางไหนปักไว้ด้านตรงข้าม
(ซึ่งก็คือริมขอบอ่างบัว) เพื่อเป็นสัญลักษณ์บอก เวลาจะให้ปุ๋ยให้นำปุ๋ยสูตรเสมอ
10-10-10 หรือ 12-12-12 ประมาณ 1 ช้อนชา ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์สัก
2 ชั้น แล้วฝังไว้ใต้ดินดักหน้าเหง้าฝั่งตรงข้ามกับป้ายชื่อ ส่วนการจะให้ถี่เท่าใดนั้น
ขึ้นกับจำนวนน้ำในอ่างปลูก และความถี่ในการถ่ายน้ำแต่ไม่แนะนำให้ถ่ายน้ำบ่อย
ถ้าเป็นอ่างกลางๆ ก็ให้เดือนละ 2 ครั้ง ต้นเดือนและกลางเดือนจำง่ายๆ
พวกที่ปลูกขายต้องการให้งามตลอดก็สามารถให้ปุ๋ยทุกอาทิตย์ได้ น้ำก็ใช้น้ำประปาได้เลย
เพราะมีคลอรีนเป็นกรดนิดหน่อย บัวชอบน้ำที่เป็นกรดนิดหน่อย แล้วก็ให้ได้แดดสักวันละ
5 ชั่วโมง"
"การดูแลรักษาก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก
เพียงแต่คอยเด็ดใบแก่ ดอกโรยทิ้ง อย่าให้มันเน่าเสียอยู่ในอ่าง ซึ่งจะทำให้น้ำเน่า
แล้วก็ต้องคอยกำจัดแมลง โดยเฉพาะช่วงที่จะเข้าฤดูหนาวต้องดูแลเป็นพิเศษ
บัวที่ปลูกเป็นไม้ประดับเวลานี้ส่วนใหญ่ประมาณ 80% มาจากต่างประเทศ
เมืองนอกเป็นเมืองหนาว เมื่อเริ่มเข้าฤดูหนาว พวกโรคพวกแมลงจะเริ่มลงเพราะบัวมันน่ากิน
พวกหนอนพับใบที่เกิดจากผีเสื้อกลางคืนบินมาวางไข่ ในฤดูฝนถ้าฝนตกปีกแมลงจะเปียกทำให้บินมาวางไข่ไม่ได้
ฤดูฝนก็จะปลอดแมลง พวกเพลี้ยอ่อนตามใบก็จะถูกฝนซะล้างออกไปเป็นอาหารของปลาในบ่อ
พอพ้นฤดูฝนเข้าฤดูหนาวพวกแมลงก็บินไปมาได้สบาย มาวางไข่เกิดเป็นหนอนกินใบ
วิธีกำจัดก็คอยจับบี้ให้ตายอย่างเดียว"
|
|
|
 |
 |
|
 |
|
