นางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส
เช้าวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ นางสุชาดา ธิดาของเสนียกุฏมพีในหมู่บ้านเสนานิคม แห่งตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยสาวนางได้ทำพิธีบวงสรวงต่อเทพยดาที่สิงสถิต ณ ต้นนิโครธพฤกษ์ใหญ่ต้นหนึ่งใกล้บ้านของนาง โดยได้ตั้งปณิธานความปรารถนาไว้สองประการ คือ “ขอให้ข้าพเจ้าได้สามีที่มีบุญ มีทรัพย์สมบัติ และชาติสกุลเสมอกัน ขอให้ข้าพเจ้ามีบุตรคนแรกเป็นชาย” ถ้าความปรารถนาของข้าพเจ้าทั้งสองประการสำเร็จสมบูรณ์แล้ว ข้าพเจ้าจะทำพลีกรรมแก่ท่านด้วยของอันมีค่า ๑๐๐,๐๐๐ กหาปณะ
ครั้นกาลต่อมา ความปรารถาของนางสำเร็จทั้งสองประการ จึงปรารภที่จะทำพลีกรรมบวงสรวง สังเวยเทพยดา ด้วยข้าวมธุปยาสเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้นางทาสีสาวใช้ไปปัดกวาดทำความสะอาด บริเวณโคนต้นนิโครธพฤกษ์นั้น ขณะนั้นพระสิทธัตถะหลังจากเลิกการทรมานร่างกายหันมาเสวยพระกระยาหาร หวังจะบำเพ็ญเพียรทางจิต ประทับนั่งพักผ่อน ณ ที่ควงไม้นิโครธพฤกษ์นั้น มีพระรัศมีแผ่ซ่านออกจากพระวรกายเป็นปริมณฑลดูงามยิ่งนัก นางทาสีสาวใช้เห็นแล้วก็แน่ในจิตคิดว่า คงเป็นเทพยดาเจ้ามานั่งคอยท่ารับเครื่องพลีกรรม จึงมิได้เข้าไปทำความสะอาดดังที่ตั้งใจมา รีบกลับไปแจ้งแก่นางสุชาดา
นางสุชาดาจึงรีบยกถาดข้าวมธุปายาสขึ้นทูลศีรษะ ออกจากบ้านพร้อมด้วยบริวารไปยังต้นไทรนิโครธนั้น ครั้นได้เห็นพระโพธิสัตว์งดงามเช่นนั้น ก็เกิดโสมนัสยินดี สำคัญว่าเป็นรุกขเทวดามานั่งคอยรับเครื่องพลีกรรม พระองค์ทรงแสดงให้นางสุชาดาทราบว่าไม่มีอะไรจะรับข้าวมธุปายาส ด้วยบาตรที่ฆฏิการพรหมได้ถวายไว้ ณ วันที่ออกผนวชหายไป นางสุชาดาจึงถวายข้าวพร้อมถาดทอง พระองค์ได้นำข้าวมธุปายาสมาแบ่งเป็น ๔๙ ก้อน แล้วฉันจนหมด
แล้วทรงถือถาดเสด็จสู่แม่น้ำเนรัญชรา ทรงอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า ถ้าจะได้ตรัสรู้แก่พระปรมาภิเสกสัมโพธิญาณแล้ว ขอให้ถาดนี้จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป แล้วทรงลอยถาดทองนั้นลงในแม่น้ำ ขณะนั้นอานุภาพพระบารมีของพระองค์ซึ่งทรงบำเพ็ญมาบริบูรณ์ดีแล้ว ได้แสดงให้เห็นอัศจรรย์ ถาดทองนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปประมาณ ๑ เส้น แล้วถาดทองนั้นก็จมลงตรงนาคภพพิมานแห่งพญากาฬนาคราช ครั้นพระมหาบุรุษได้ทอดพระเนตรเห็นเป็นนิมิตอันดีเช่นนั้น ก็ทรงโสมนัสเสด็จมายังสาลวัน ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ประทับพักที่ภายใต้ร่มไม้สาลพฤกษ์
พอเวลาสายัณห์ตะวันบ่ายก็เสด็จออกจากหมู่ไม้สาละที่พักกลางวัน เสด็จดำเนินไปสู่ควงไม้อสัตถะโพธิพฤกษ์มณฑล พบโสตถิยะพราหมณ์ในระหว่างทาง โสถิยะพราหมณ์เลื่อมใส น้อมถวายหญ้ากุศะ ๘ กำ พระมหาบุรุษทรงรับหญ้ากุศะแล้ว เสด็จไปร่มไม้อสัตถะ (ต้นโพธิ์) นั้น ณ ด้านปราจินทิศ ทรงอธิษฐานว่า ถ้าอาตมาจะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ขอจงเกิดเป็นรัตนบัลลังก์แก้วขึ้นรองรับพระสัพพัญญุตญาณในที่นี้ ทันใดนั้นบัลลังก์แก้วอันวิจิตรงามตะการก็บรรดาลผุดขึ้นสมดังพระทัยประสงค์ ควรจะอัศจรรย์ยิ่งนัก
พรรณไม้ในพุทธประวัติ
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิงและรูปภาพจากเว็บไซต์
- ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=39613
- ลานพุทธศาสนา http://www.larnbuddhism.com/puttaprawat/
- มูลนิธิอุทยานธรรม https://uttayarndham.org
- ประตูสู่ธรรม http://www.dharma-gateway.com/buddha/buddha-history/buddha-history-index-page.htm
- กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช https://www.dnp.go.th