เถาไฟ
ชื่อสามัญ : –
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bauhinia integrifolia Roxb.
วงศ์ : FABACEAE
ชื่ออื่น : ชิงโคย่าน (ภาคใต้), ชงโคย่าน ย่านชงโค (ตรัง), ดาโอะ (นราธิวาส), ปอลิง (สุราษฎร์ธานี), เล็บควายใหญ่ (ยะลา ปัตตานี), เถาไฟ โยทะกา (กรุงเทพฯ)
ถิ่นกำเนิด : ประเทศอินเดีย มาเลเซีย และทางภาคใต้ของประเทศไทย
ลักษณะทั่วไป :
ต้น เถาไฟเป็นไม้เถาที่มีขนาดใหญ่ เถาสีน้ำตาล บริเวณเถาอ่อนจะมีขนสีน้ำตาลขึ้นปกคลุมโดยทั่ว และมีมือยึดเกาะเป็นเส้นม้วนออกเป็นคู่ที่ก้านใบและก้านดอกยื่นออกมาสำหรับเกาะพันไปตามหลักหรือต้นไม้อื่น
ใบ เป็นไม้ใบเดี่ยว ใบออกเรียงสลับกันไปตามเถา ใบกว้างเป็นรูปไข่หรือเกือบกลม คล้ายใบแฝดติดกัน โคนใบมนเว้าเข้าหาก้าน ปลายใบแยกเป็น 2 แฉก ลักษณะของปลายแฉกมีทั้งแหลมและกลม ขอบใบเป็นคลื่น ใบสีเขียวเข้ม ยาวประมาณ 8-15 เซนติเมตร ก้านใบยาวประมาณ 1–5 เซนติเมตร
ดอก เถาไฟออกดอกแบบช่อเชิงหลั่นแยกแขนงตามซอกใบและปลายกิ่ง ช่อละ 15-30 ดอก ดอกเมื่อแรกออกจะเป็นสีเหลือง แล้วจะค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นสีส้มอมแดง ดอกมีขนาดเล็ก ดอกเมื่อยังตูมอยู่จะมีลักษณะกลม ปลายแหลม มีกลีบเลี้ยง 2-3 กลีบ กลีบดอก 5 กลีบ กลีบดอกมีลักษณะเป็นรูปไข่กลับ ขอบบิดเป็นคลื่น มีขนประปรายด้านนอก กลีบดอกขนาดประมาณ 0.8–1.5 เซนติเมตร ดอกเมื่อบานจะมีขนาดประมาณ 3-4 เซนติเมตร ก้านดอกยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ภายในดอกมีเกสรตัวผู้ 3 อัน ยาวเท่าๆ กลีบดอก และเกสรตัวผู้ที่เป็นหมัน 2 อัน รังไข่มีขนสีน้ำตาลแดง ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร
ผลและเมล็ด ผลเป็นฝักแบนยาวรูปขอบขนาน มีขนนุ่มสีน้ำตาล กว้างประมาณ 2-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 15–20 เซนติเมตร ผลเมื่อแก่จะแตกออก ภายในมีเมล็ด 5-8 เมล็ด ลักษณะแบนเกือบกลม ขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร
ฤดูออกดอก : เถาไฟจะออกดอกในช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนตุลาคม-มกราคม
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง
การปลูก :
ควรปลูกเถาไฟบริเวณริมรั้ว หรืออาจปลูกเป็นซุ้มประตูก็ได้ โดยนำต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเมล็ด หรือกิ่งปลูกที่ได้จากการตอน โดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมใช้กิ่งที่ได้จากการตอน เพราะจะให้ต้นได้เร็วกว่า ไม่เสียเวลาเหมือนกับการเพาะเมล็ด ให้ขุดหลุมปลูกที่มีความกว้างลึกประมาณ 30 เซนติเมตร รองกันหลุมด้วยปุ๋ยหมักประมาณ 1/4 ของหลุม กลบดินเล็กน้อย แล้วจึงวางกิ่งปลูกลงกลางหลุม กลบดินพอแน่น รดน้ำให้ชุ่ม
การดูแลรักษา :
แสง เป็นไม้กลางแจ้งที่ต้องการแสงแดดมากพอสมควร
ดิน เจริญได้ดีในดินที่มีความร่วนซุย และเป็นดินที่สามารถเก็บความชื้นได้ดี
น้ำ ต้องการน้ำปานกลาง ควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เพื่อให้ดินมีความชื้นอยู่เสมอ แต่ไม่ควรให้น้ำมากจนแฉะ เพราะจะทำให้รากเน่าได้
ปุ๋ย ให้ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ใส่บริเวณรอบโคนต้นปีละ 2-3 ครั้ง โดยการพรวนดินรอบโคนต้นเสียก่อน แล้วจึงใส่ปุ๋ย แล้วรดน้ำตามให้ชุ่ม
โรคและแมลง ไม่พบโรคและแมลงทำลายถึงขั้นเสียหาย