ทรงชนะมาร

ทรงชนะมาร

ทรงชนะมาร

ก่อนพระอาทิตย์อัสดงในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ พระสิทธัตถะเสด็จขึ้นประทับรัตนบัลลังก์แก้ว ขัดสมาธิ ผินพระพักตร์ไปยังปราจินทิศ หันพระปฤษฎางค์ (หลัง) ไปทางลำต้นโพธิ์พฤกษ์ ได้ทรงตั้งสัตยาธิษฐานในพระทัยว่า ถ้าอาตมายังมิได้ตรัสรู้ แม้พระโลหิตและพระมังสะจะเหือดแห้งไป เหลือแต่พระตจะ (หนัง) พระนหาลุ (เอ็น) และพระอัฐิ (กระดูก) ก็ตามที จะไม่เลิกละความเพียรโดยเสด็จลุกไปจากที่นี้ เหล่าเทพยดาทั้งหลายพากันชื่นชมโสมนัส มีหัตถ์ทรงซึ่งเครื่องสักการบูชาบุบผามาลัย พากันมาห้อมล้อม โห่ร้องซ้องสาธุการบูชาพระสิทธัตถะ

ขณะนั้น พญาวัสวดีมาราธิราช ได้สดับเสียงเทพเจ้าบันลือเสียงสาธุการ ก็ทราบชัดว่า พระสิทธัตถะจะตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ ทำลายบ่วงมารที่วางขึงรึงรัดไว้ แล้วหลุดพ้นไปได้ ก็คิดฤษยา เคียดแค้น ป่าวประกาศเรียกพลเสนามาร พร้อมด้วยสรรพาวุธ พญาวัสวดีขึ้นช้างพระที่นั่งคีรีเมขล์ ถืออาวุธพร้อมสรรพ นำกองทัพมาร เหาะมาเข้าล้อมเขตบัลลังก์ของพระสิทธัตถะไว้อย่างแน่นหนา ทันใดนั้น บรรดาเทพเจ้าที่พากันมาห้อมล้อมถวายสักการะบูชาสาธุการพระสิทธัตถะอยู่ เมื่อได้เห็นพญามารยกกองทัพมารมาเป็นอันมาก ต่างมีความตกใจกลัว พากันหนีไปยังขอบจักรวาล ทิ้งพระสิทธัตถะให้ต่อสู้พญามารแต่พระองค์เดียว พระสิทธัตถะทรงระลึกถึงบารมีธรรมทั้ง ๓๐ ประการ ซึ่งเป็นดุจทหารที่แก่นกล้า มีศัตราวุธครบครัน ก็ ประทับนิ่ง โดยมิได้สะทกสะท้านแต่ประการใด

ฝ่ายพญามารวัสวดีเห็นพระสิทธัตถะประทับนิ่งมิได้หวั่นไหวแต่ประการใด ก็พิโรธร้องประกาศก้อง ให้เสนามารรุกเข้าทำอันตรายหลายประการจนหมดฤทธิ์ บรรดาสรรพาวุธที่พุ่งซัดไปก็กลับกลายเป็นบุบผามาลัยบูชาพระสิทธัตถะจนสิ้น ครั้งนั้นพญามารตรัสแก่พระสิทธัตถะด้วยสันดานพาลว่า “ดูกรสิทธัตถะ บัลลังก์แก้วนี้ เกิดเพื่อบุญเรา เป็นของสำหรับเรา ท่านเป็นคนไม่มีบุญ ไม่สมควรจะนั่ง จงลุกไปเสียโดยเร็ว”

พระสิทธัตถะตรัสตอบว่า “ดูกรพญามาร บัลลังก์แก้วนี้ เกิดขึ้นด้วยบุญของอาตมา ที่ได้บำเพ็ญมาแต่อสังไขยยกัปป์ จะนับจะประมาณมิได้ ดังนั้น อาตมาผู้เดียวเท่านั้น สมควรจะนั่ง ผู้อื่นไม่สมควรเลย”

พญามารก็คัดค้านว่า ที่พระสิทธัตถะรับสั่งมานั้น ไม่เป็นความจริง ให้พระองค์หาพยานมายืนยันว่า พระองค์ได้บำเพ็ญกุศลมาจริง ให้ประจักษ์เป็นสักขีพยานในที่นี้

เมื่อพระมหาบุรุษไม่เห็นผู้อื่นใด ใครจะกล้ามาเป็นพยานยืนยันในที่นี้ได้ จึงตรัสเรียกนางวสุนธรา เจ้าแห่งธรณีว่า “ดูกร วสุนธรา นางจงมาเป็นพยานในการบำเพ็ญกุศลของอาตมาในกาลบัดนี้ด้วยเถิด”

ลำดับนั้น วสุนธรา เจ้าแม่ธรณี ก็แทรกพื้นปฐพีขึ้นมาปรากฏกาย ทำอัญชลีถวายอภิวาทพระสิทธัตถะแล้ว ประกาศให้พญามารทราบว่า พระมหาบุรุษเมื่อเป็นพระบรมโพธิสัตว์ ได้บำเพ็ญบุญมากมาย เหลือที่จะประมาณได้ แต่น้ำตรวจที่ข้าพเจ้าเอามวยผมรองรับไว้บนเศียรเกล้า ก็มีมากพอจะถือไว้เป็นหลักฐานวินิจฉัยได้ นางวสุนธรากล่าวแล้วก็ปล่อยมวยผม บีบน้ำตรวจที่สะสมไว้ในอเนกชาติให้ไหลหลั่งออก กระแสน้ำบ่าท่วมทับเสนามารทั้งปวงให้จมลงวอดวาย กำลังน้ำได้ซัดพัดช้างนาฬาคีรีเมขล์ให้ถอยล่นลงไปติดขอบจักรวาล

ครั้งนั้น พญามารตกตลึงเห็นเป็นอัศจรรย์ ด้วยมิได้เคยเห็นมาแต่กาลก่อน ก็ประนมหัตถ์ถวายนมัสการ ยอมปราชัยพ่ายแพ้บุญบารมีของพระสิทธัตถะแล้วก็อันตรธานหนีไปจากที่นั้น


พรรณไม้ในพุทธประวัติ

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิงและรูปภาพจากเว็บไซต์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง