ต้นจิก พรรณไม้ในพุทธประวัติ
ต้นจิกหรือมุจลินท์ ตามพุทธประวัติกล่าวว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้วได้ทรงประทับเสวยวิมุติสุข อยู่ใต้ต้นโพธิ์ ต้นไทรนิโครธ และสถานที่ต่างๆ แห่งละ ๑ สัปดาห์ และในสัปดาห์ที่ ๖ พระองค์ทรงเสด็จไปประทับใต้ต้นจิก ในขณะที่ประทับใต้ต้นจิกนี้ มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน อากาศเย็นมาก จึงมีพญานาคชื่อมุจลินท์มาขนดเป็นวง ๗ รอบ ล้อมพระองค์ พร้อมกับแผ่พังพานปรกพระองค์ไว้ ต่อมาเมื่อมีผู้คิดประดิษฐ์พระพุทธรูปขึ้นภายหลัง จึงได้ประดิษฐ์พระพุทธรูปปางนี้ขึ้น เรียกว่า ปางนาคปรก และเรียกต้นจิกไปตามชื่อของพญานาค คือ มุจลินท์
ชื่อพื้นเมือง: กระโดนทุ่ง กระโดนน้ำ (หนองคาย), จิกนา (ภาคใต้), ตอง (ภาคเหนือ), มุ่ยลาย
ชื่อบาลี: มุจลินท (มุ-จะ-ลิน-ทะ), นิจุโล (นิ-จุ-โล), มุจลินโท (มุ-จะ-ลิน-โท)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Barringtonia acutangula Gaertn.
ชื่อสามัญ: Indian Oak, Botong Flower
ชื่อวงศ์: BARRINGTONIACEAE
ถิ่นกำเนิด: พบทั่วไปในแถบเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินเดีย ลังกา พม่า ไทย
สภาพนิเวศน์: ต้นจิกมีขึ้นทั่วไปทางภาคตะวันออกและภาคกลางของอินเดีย ตลอดลังกาถึงย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับในประเทศไทยพบมีขึ้นอยู่ทั่วประเทศ ในที่ค่อนข้างราบลุ่มตามชายห้วย หนอง แม่น้ำ สามารถเป็นพันธุ์ไม้สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกได้อย่างดี
ลักษณะทั่วไป: ต้นจิกหรือมุจลินท์ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ผลัดใบแต่จะผลิใบใหม่ได้รวดเร็ว ลำต้นเป็นปุ่มปมและเป็นพู กิ่งมักคดงอ ใบเป็นเดี่ยว ใบอ่อนสีน้ำตาลแดง ใบออกเวียนกันเป็นกลุ่มตามปลายกิ่ง ใบรูปหอกหรือรูปไข่กลับ ผิวใบมัน ใบกว้างประมาณ 5-10 เซนติเมตร ยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร ขอบใบเป็นจักถี่ ก้นใบสั้นมาก มีสีแดง ดอกออกเป็นช่อ ดอกมีสีแดง แต่ละดอกเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ติดรวมกันเป็นช่อห้อยลง ยาวประมาณ 30-40 เซนติเมตร กลีบดอกสั้นๆ มี 4 กลีบ หลุดร่วงเร็วมาก เกสรตัวผู้มีจำนวนมาก มีสีชมพูถึงสีแดง หลอดท่อรังไข่ยาวยื่นออกมามาก ผลยาวรีเป็นเหลี่ยม มีสันตามยาวของผล 4 สัน ผลยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร ปลายผลมีกลีบรองดอกติดอยู่
การขยายพันธุ์: ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง หรือตัดกระโดงที่แทงออกจากราไปชำ
ประโยชน์: ใบอ่อนรสฝาดเล็กน้อย รับประทานเป็นอาหารได้ ใบแก่ใช้รักษาอาการท้องร่วง เปลือกต้นใช้เบื่อปลา เนื้อไม้ใช้ทำไม้อัด เครื่องเรือน เมล็ดผสมในตำรับยาลม ใช้แก้อาการจุกเสียด แก้ไอในเด็ก รากของต้นจิกใช้เป็นสมุนไพร แก้โรคลมต่างๆ ปลูกไว้ตามชายน้ำเพื่อกันดินพัง อาศัยร่มเงา ปลูกเป็นไม้ประดับเพราะดอกสวยมาก
พรรณไม้ในพุทธประวัติ
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิงและรูปภาพจากเว็บไซต์
- ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=39613
- ลานพุทธศาสนา http://www.larnbuddhism.com/puttaprawat/
- มูลนิธิอุทยานธรรม https://uttayarndham.org
- ประตูสู่ธรรม http://www.dharma-gateway.com/buddha/buddha-history/buddha-history-index-page.htm
- กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช https://www.dnp.go.th