พริกหยวก (Banana Pepper)

พริกหยวก (Banana Pepper)

พริกหยวกมีแหล่งกำเนิดในแถบทวีปอเมริกากลาง จากนั้นจึงได้กระจายไปยังทวีปเอเชียและแอฟริกา พริกหยวกถูกนำมาใช้ประกอบอาหารมาตั้งแต่ในอดีตเช่นเดียวกันกับพริกขี้หนู แต่พริกหยวกมีรสเผ็ดน้อยกว่าพริกขี้หนูจึงสามารถนำมารับประทานสดๆ หรือนำมาเป็นวัตถุดิบหลักในการใช้ประกอบอาหารได้ เช่น ใช้ทำน้ำพริกหนุ่ม ผัดเปรี้ยวหวาน ใช้รับประทานสดๆ แกล้มกับน้ำพริก หรือใช้เผาไฟนำมารับประทานเป็นเครื่องเคียงกับต้มปลาทูในภาคเหนือ เป็นต้น พริกหยวกมีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับลม แก้ท้องอืดเฟ้อ ช่วยให้เจริญอาหาร ขับปัสสาวะ บำรุงเลือดลม บำรุงหัวใจ แก้ไขข้ออักเสบ แก้อาการปวดเมื่อย ปัจจุบันมีการสกัดเอาสาร Capsaicin จากพริกหยวกมาใช้เป็นยาสำหรับถูนวดรักษาอาการปวดเมื่อยและไขข้ออักเสบอีกด้วย

พริกหยวก (Banana Pepper)
ชื่อสามัญ : Banana Pepper
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Capsicum annuum L.
วงศ์ : SOLANACEAE
ชื่ออื่น : พริกหนุ่ม (ภาคเหนือ), พริกตุ้ม (ภาคกลาง), พริกซ่อม (ทั่วไป)
ถิ่นกำเนิด : พริกหยวกมีแหล่งกำเนิดในแถบทวีปอเมริกากลาง บริเวณประเทศ เม็กซิโกและประเทศใกล้เคียง จากนั้นจึงได้กระจายไปยังทวีปเอเชียและแอฟริกา
ลักษณะทั่วไป : พริกหยวกเป็นไม้ล้มลุกฤดูเดียวหรือไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 0.5-1.5 เมตร ลักษณะลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านมาก โคนต้นเป็นเนื้อไม้แข็งมีสีน้ำตาลหรือสีเทา ส่วนยอดเป็นเนื้อไม้อ่อนมีสีเขียว ใบเป็นใบเดี่ยวแบบเรียงสลับออกตามข้อกิ่ง ใบแบนเรียบ รูปไข่ เรียวยาว กว้างประมาณ 5-8 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10-16 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ โคนใบและปลายใบแหลม ก้านใบยาวได้ถึง 10 เซนติเมตร ดอกเป็นดอกเดี่ยวสีขาวนวลออกตามซอกใบ ดอกห้อยลง เป็นดอกสมบูรณ์เพศ กลีบรองดอกมีลักษณะเป็น 5 พู เชื่อมติดกันเป็นรูปปากแตร ปลายแยกเป็น 5 แฉก มีเกสรเพศผู้ 5 อัน แตกออกมาจากตรงโคนของกลีบดอก ส่วนเกสรเพศเมียชูขึ้นเหนือเกสรเพศผู้ ส่วนรังไข่มีพู 3 พู ผลสดมีหลายรูปร่างและขนาด แต่มักจะเป็นรูปกรวยกว้างและยาวได้ถึง 30 เซนติเมตร เมื่อยังอ่อนอยู่มีสีเขียว เหลือง ครีม หรือม่วง เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีแดง ส้ม เหลืองหรือน้ำตาล เมล็ดแบนรูปโล่ใหญ่กว่าเมล็ดพริกขี้หนู เป็นสีเหลืองอ่อนหรือสีน้ำตาล
การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
การปลูก : ควรปลูกในดินร่วนที่มีอินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำได้ดี ไม่ท่วมขัง ปลูกบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงอย่างน้อยครึ่งวัน รดน้ำเป็นประจำทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ควรระวังอย่าให้ขาดน้ำ เพราะจะทำให้ต้นพริกอ่อนแอ และควรระวังอย่าให้ชื้นแฉะจนเกินไป
สรรพคุณ : พริกหยวกมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และยังมีคุณค่าจากวิตามิน A B1 B2 และ C มีสารแคปไซซินเป็นแหล่งเบต้าแคโรทีน และมีสารไบโอฟลาโวนอยด์ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สารแคปไซซินในพริกหยวกช่วยลดน้ำตาลในเลือด จึงช่วยในการบำบัดโรคเบาหวานได้ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ทำให้หลอดเลือดอ่อนตัว ช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดเป็นไปได้ดี สามารถลดความดันโลหิตได้ สารแคปไซซินในปริมาณน้อยๆ มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นน้ำย่อย ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยอาหารดี ช่วยเจริญอาหาร ช่วยขับลม แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ แก้อาเจียน ขับเหงื่อ ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ ปัจจุบันมีการสกัดเอาสาร Capsaicin จากพริกหยวกมาใช้เป็นยาสำหรับถูนวดรักษาอาการปวดเมื่อยและไขข้ออักเสบอีกด้วย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง