ปีบ
ต้นปีบเป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดพิษณุโลก เป็นไม้ที่มีใบและดอกสวยงาม มีกลิ่นหอม จึงนิยมปลูกไว้ประดับสวน ปลูกเพื่อให้ร่มเงาในลานจอดรถหรือริมถนนข้างทาง เนื้อไม้ของต้นปีบมีสีขาวอ่อน สามารถเลื่อยหรือไสกบเพื่อตกแต่งให้ขึ้นเงาได้ง่าย จึงเหมาะแก่การนำมาใช้ทำเป็นเครื่องเรือน เครื่องตกแต่งภายในบ้านได้ นอกจากนี้ต้นปีบยังมีสรรพคุณทางสมุนไพร ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงโลหิต บำรุงปอด ช่วยรักษาวัณโรค
ชื่อสามัญ : Indian Cork Tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Millingtonia hortensis Linn.f.
วงศ์ : BIGNONIACEAE
ชื่ออื่น : กาสะลอง กาดสะลอง กาสะลองดำ (ภาคเหนือ), กางของ (ภาคอีสาน), กัองกลางดง (ภาคกลาง), เต็กตองโพ่ (กะเหรี่ยง)
การแพร่กระจาย : ปีบเป็นพันธุ์ไม้พื้นเมืองที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชียบริเวณประเทศพม่า และไทย พบขึ้นกระจัดกระจายทั่วไปตามป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง จากนั้นจึงได้กระจายพันธุ์ไปในหลายประเทศ เช่น ลาว กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย บังคลาเทศ และอินเดีย เป็นต้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ต้นปีบเป็นไม้ยืนต้นขนาดขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ สูงได้ถึง 25 เมตร ลำต้นตรง สูงสง่างาม เรือนยอดรูปไข่แผ่กว้างและโปร่ง เปลือกหนาสีเทาอมเหลือง ขรุขระไม่สม่ำเสมอ แตกเป็นร่องลึกๆ เปลือกหนา เปลือกชั้นในสีครีมออกน้ำตาลอ่อน รากเกิดเป็นหน่อ เจริญเป็นต้นใหม่ได้ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกสองถึงสามชั้น แผ่กระจาย มีใบย่อยเล็กๆ อยู่ 3-5 คู่ เรียงตรงข้ามกัน ปลายคี่ ใบย่อยเป็นรูปรี รูปไข่ หรือรูปไข่แกมรูปใบหอก ปลายใบแหลมเป็นติ่งยาว โคนใบมน ขอบใบเรียบ เป็นจักซี่ห่างใกล้ปลายใบ ขนาดใบกว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2-5 เซนติเมตร หน้าใบมีสีเขียว ด้านล่างสีเขียวอ่อน มีต่อมสีเขียวเข้มกระจายใกล้ฐานใบ และมีแผงขนระหว่างชอกของเส้นใบ ก้านใบยาวประมาณ 0.2-1 เซนติเมตร ใบร่วงง่าย ดอกออกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงขนาดใหญ่ตามปลายกิ่ง ยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร ดอกย่อยจำนวนมาก ห้อยย้อยลง กลีบเลี้ยงสีเขียวยาวประมาณ 2-4 มิลลิเมตร โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ คล้ายรูประฆัง กลีบดอกสีขาว มีกลิ่นหอมแรง โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดแคบ หลอดกว้างประมาณ 0.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร ปลายแยกเป็น 5 กลีบ คล้ายรูปแตร กลีบบน 2 ค่อนข้างแหลม กลีบหลอมติดกันตรงกลาง อีก 3 กลีบบานแผ่ออก ปลายกลีบแหลมและสั้น กลีบดอกยาวประมาณ 6.5-12.5 มิลลิเมตร กว้างประมาณ 5.6- 6.5 มิลลิเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางดอกประมาณ 2 เซนติเมตร ดอกมีกลิ่นหอม ทยอยบานตอนเย็นถึงกลางคืน ดอกที่บานแล้วจะมีสีขาวอมเหลืองนวลแล้วร่วงไป ผลเป็นฝักแบน ยาวแคบ รูปขอบขนาน ยาว 30-40 เซนติเมตร ปลายฝักแหลม ฝักอ่อนสีเขียว มีเนื้อ พอแห้งแข็ง แตกออกได้เป็น 2 ซีก มีเมล็ดแบนจำนวนมาก รูปหยดน้ำ มีปีกสีขาว ค่อนข้างบางใสอยู่โดยรอบเมล็ด
ฤดูออกดอก : ออกดอกช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม ติดผลช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์
การขยายพันธุ์ : ต้นปีบสามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีเพาะเมล็ดหรือนำรากรอบๆ ต้นปีบมาเพาะ โดยตัดรากบริเวณรอบๆ ต้นเป็นท่อนๆ ขนาด 15-20 เซนติเมตร แล้วนำไปปักชำในกระบะที่ผสมด้วยดินร่วน ปุ๋ยคอก และขี้เถ้าแกลบแล้วรดน้ำให้ชุ่ม ประมาณ 15-25 วัน จะมีต้นใหม่แทงยอดขึ้นมา รอให้ต้นใหม่สูงประมาณ 6-10 นิ้ว จึงขุดไปอนุบาลต่อในที่ร่มรำไรประมาณ 1 เดือน ก็สามารถนำไปปลูกได้
การปลูก : ต้นปีบเป็นไม้กลางแจ้ง ชอบแสงแดดจัด ทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดี แต่ก็ค่อนข้างชอบอากาศชุ่มชื้น ต้องการน้ำปานกลาง สามารถเจริญเติบโตได้ทุกสภาพดิน แต่จะชอบดินร่วนปนทรายมากกว่าชนิดอื่น
การใช้ประโยชน์ :
ต้นปีบเป็นไม้ที่มีใบและดอกสวยงาม มีกลิ่นหอม จึงนิยมปลูกไว้ประดับสวน ปลูกเพื่อให้ร่มเงาในลานจอดรถหรือริมถนนข้างทาง เนื้อไม้ของต้นปีบมีสีขาวอ่อน สามารถเลื่อยหรือไสกบเพื่อตกแต่งให้ขึ้นเงาได้ง่าย จึงเหมาะแก่การนำมาใช้ทำเป็นเครื่องเรือน ทำเฟอร์นิเจอร์ นอกจากนี้ต้นปีบยังมีสรรพคุณทางสมุนไพร เช่น เป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยบำรุงโลหิต ช่วยบำรุงปอด ช่วยรักษาอาการหอบหืด ใช้เป็นยารักษาไซนัสอักเสบ รักษาริดสีดวงจมูก ใช้เป็นยาแก้ลม เป็นต้น