พิษของสารเคมีฆ่าแมลงและการป้องกัน
สารเคมีฆ่าแมลงไม่เพียงแต่เป็นพิษเฉพาะกับแมลงเท่านั้น ยังเป็นพิษและเป็นอันตรายกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกด้วย เช่น คนหรือสัตว์ ถึงแม้ว่าสารเคมีบางชนิดจะมีเอกสารบอกว่าไม่เป็นอันตรายกับคน แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้แน่นอนถึงความไม่เป็นอันตรายนั้นได้ เนื่องจากสารเคมีเป็นพิษกับแมลงก็ย่อมเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นเช่นกัน สารเคมีเป็นพิษทุกชนิดแต่ความรุนแรงอาจแตกต่างกันไป สารเคมีสามารถเข้าสู่คนได้ 3 ทางด้วยกันคือ
- ทางปาก โดยการรับประทานเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เช่น การรับประทานพืช ผัก ผลไม้ ที่มีสารเคมีฆ่าแมลงปนเปื้อนอยู่ การดื่มน้ำในขณะฉีดสารพิษ การตั้งภาชนะใส่อาหารไว้ใกล้บริเวณขณะฉีดพ่นสารเคมีฆ่าแมลง
- ทางระบบหายใจ คือการได้รับสารพิษขณะฉีดพ่นโดยการหายใจทางปากหรือจมูกสารพิษพัดปลิวมากับลมแล้วหายใจเข้าไป ทำให้เกิดพิษกับร่างกายได้
- ทางผิวหนัง โดยการแทรกซึมของสารพิษเข้าทางผิวหนัง เช่น ละอองสารพิษปลิวถูกผิวหนัง สารพิษหกโดนผิวหนัง อันตรายจากสารพิษอาจไม่แสดงอาการทันที แต่อาจสะสมไว้ในร่างกายแล้วแสดงอาการภายหลัง จนไม่อาจทราบสาเหตุของอาการเจ็บป่วย ลักษณะอาการที่เกิดจากสารเคมีฆ่าแมลงอาจมีอาการ เช่น อาจเกิดฤทธิ์ทำลายระบบประสาท สายตาฝ่าฟาง มือสั่น หัวสั่น บางครั้งปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนถึงชีวิตได้
การฉีดพ่นยากำจัดแมลงศัตรูพืชอย่างปลอดภัย
เนื่องจากยากำจัดแมลงศัตรูพืชเป็นสารเคมีที่มีพิษเกือบทุกชนิด ดังนั้นการใช้ยาจำพวกนี้จึงจำเป็นต้องใช้อย่างระมัดระวังที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ฤทธิ์ของยาอาจจะไม่แสดงอาการเลยทันที แต่อาจสะสมในร่างกาย และมีผลภายหลังได้ การใช้ยากำจัดศัตรูพืช จึงควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
- ก่อนใช้ยากำจัดศัตรูพืชจะต้องทราบก่อนว่า พืชนั้นเป็นโรคหรือถูกแมลงชนิดใดทำลาย เมื่อทราบแล้วจึงหายากำจัดศัตรูพืชตามชนิดของแมลงศัตรูนั้นๆ
- ควรอ่านวิธีใช้ยาจากฉลากที่ปิดไว้ข้างขวดว่ามีวิธีใช้อย่างไร และเมื่อเกิดอาการแพ้สารดังกล่าวแล้วควรปฏิบัติอย่างไร
- หากต้องมีส่วนผสมกับส่วนผสมชนิดอื่นไม่ควรใช้มือคนหรือกวนโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้สารเคมีซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกาย และเป็นอันตรายได้ ควรใช้วัสดุอุปกรณ์อื่นช่วย เช่น ไม้
- ก่อนฉีดพ่นยาควรสวมถุงมือและหน้ากากป้องกันละอองของสารพิษ
- ขณะพ่นยาต้องอยู่เหนือลมเสมอ
- ห้ามดื่มน้ำ กินอาหารหรือสูบบุหรี่ ขณะฉีดพ่นยา
- ขณะฉีดพ่นยา ไม่ควรนำเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร และเครื่องดื่ม เข้าใกล้บริเวณนั้น
- เมื่อเลิกฉีดแล้วต้องล้างมือ และส่วนต่างๆ ของร่างกายให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำมากๆ
- น้ำยาและเครื่องมือที่ใช้ต้องล้างให้สะอาด และเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยจากเด็ก และผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการ นำมาใช้หรือไม่ทราบถึงอันตรายของยานั้น
- หลังพ่นยาเสร็จแล้วต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และซักชุดที่สวมทำงานให้สะอาด
- ไม่ควรเข้าไปใกล้บริเวณที่ฉีดพ่นยาเสร็จใหม่ๆ เพราะอาจเป็นอันตรายได้
- ภาชนะบรรจุสารพิษเมื่อใช้หมดแล้วต้องทำลายแล้วฝังดินเสีย (ห้ามเผาไฟ)
- ห้ามเทสารที่เหลือ หรือล้างภาชนะบรรจุ อุปกรณ์ เครื่องพ่นลงในแม่น้ำลำคลองโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันมิให้เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ และผู้ใช้น้ำ
- สารพิษฉีดพ่นแมลงเป็นพิษต่อผึ้ง ไม่ควรใช้ขณะที่พืชกำลังออกดอก
- ล้างมือและหน้าให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ก่อนรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือสูบบุหรี่
- หลังจากฉีดพ่นสารพิษครั้งสุดท้ายแล้ว 14–15 วัน จึงเก็บผลผลิตกินได้
อาการที่เกิดจากการแพ้สารพิษ
ผู้ที่ได้รับสารพิษจากยากำจัดศัตรูพืชพบว่ามีอาการดังต่อไปนี้
- อ่อนเพลีย
- ปวดศีรษะ
- แน่นหน้าอก
- มองเห็นภาพได้ลางเลือน ม่านตาหรี่
- น้ำลายและเหงื่อออกมาก
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องร่วง และปวดท้อง
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้ได้รับสารพิษ
- ถ้าสารพิษถูกผิวหนัง ให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากบริเวณที่มีสารพิษ
- ถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนสารพิษออก
- รีบขำระร่างกายของผู้ป่วยให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่
- ให้ผู้ป่วยพักผ่อนในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกและอบอุ่น
- ถ้าสารพิษเข้าตาให้ล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง
- ถ้าสารพิษเข้าปากให้บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง
- ถ้าหากมีอาการหายใจติดขัด ให้ใช้เครื่องช่วยหายใจ และรีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันทีพร้อมด้วยภาชนะบรรจุ และฉลากวัตถุมีพิษนั้น
คำแนะสำหรับแพทย์
- ใช้เครื่องช่วยหายใจในรายที่หายใจติดขัด
- ให้ atropine sulfate ขนาด 2–4 mg ทาง IV จนกระทั่งอาการขาดออกซิเจนหายไป แล้วฉีดซ้ำทุก 5–10 นาที จนกระทั่งเกิดอาการ atropinization (ตัวและหน้าแดง หัวใจเต้นเร็วอาจถึง 140 ครั้งต่อนาที)
- ให้สังเกตอาการผู้ป่วยทุก 48 ชั่วโมง และห้ามไม่ให้ผู้ป่วยสัมผัสหรือรับประทานยาที่เป็น cholinesterase inhibitor จนกว่าร่างกายจะสามารถสร้าง cholinesterase ได้ซึ่งจะทดสอบได้โดยการตรวจเลือด
- ห้ามใช้ยาจำพวก morphine
เกร็ดพรรณไม้
- สูตรคำนวณจำนวนกลีบดอกไม้…มีด้วยหรือ ?
- ลีลาวดี…ไม่ใช่ชื่อพระราชทาน
- ต้นไม้…ดอกไม้…ประจำชาติไทย
- หัว…ไหล…เหง้า…แง่ง..ง…งง?
- พรรณไม้งามนาม…” ควีนสิริกิติ์ “
- ไม้ยืนต้น…ไม้พุ่ม…ไม้ล้มลุก…ไม้เถา…ไม้เลื้อย…
- “ปุ๋ย” ทำไมถึงต้อง…ละลายช้า
- พิษของสารเคมีฆ่าแมลงและการป้องกัน
- ดอกจำปี กับ ดอกจำปา ต่างกันตรงไหน
- ชื่อและอักษรย่อในใบกำกับสารเคมีเกษตรหมายถึงอะไร
- ทำอย่างไรให้ดอกไม้ปักเจกันอยู่ได้นาน
- ตารางธาตุอาหารของปุ๋ยคอก
- พืชจะแสดงอาการอย่างไรเมื่อขาดธาตุอาหาร
- ข้อดี ข้อด้อย ของการใช้ ปุ๋ยเคมี และ ปุ๋ยอินทรีย์