กล้วยไม้ฟาแลนอปซีส
Moth Orchid
กล้วยไม้ฟาแลนอปซีสปลูกเลี้ยงกันในประเทศไทยมานานแล้ว แต่ไม่ค่อยมีผู้สนใจมากนักเนื่องจากดอกมีขนาดเล็ก แต่ปัจจุบันกล้วยไม้สกุลนี้กำลังเป็นที่สนใจของผู้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ทั่วไป เพราะมีการปรับปรุงพันธุ์จนทำให้สวยงามทั้งรูปทรงดอกและสีของดอก ดอกกลมใหญ่ กลีบหนา ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู สีเหลือง ก้านช่อยาว เหมาะสำหรับตัดดอกปักแจกัน ปลูกประดับทั้งต้นขณะออกดอก
กล้วยไม้ฟาแลนอปซีสมีลักษณะของลำต้นทรงเตี้ยตรง การเจริญเติบโตเป็นแบบโมโนโพเดี้ยล ใบอวบน้ำ ค่อนข้างหนาแผ่แบนรูปคล้ายใบพาย ดอกกลมใหญ่ประมาณ 5-8 ซม. กลีบหนา ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู สีเหลือง ก้านช่อยาว บางช่อยาวถึง 80 ซม. ช่อหนึ่งมีหลายดอก เรียงไปตามก้านช่ออย่างมีระเบียบ ดอกบานทน ถ้าบานอยู่กับต้นสามารถบานอยู่ได้นานเป็นเดือน เป็นกล้วยไม้ที่เลี้ยงง่ายสามารถเจริญงอกงามและออกดอกให้ได้ดีในสภาพสิ่งแวดล้อมต่างๆ กัน
กล้วยไม้ฟาแลนอปซีสมีความพิเศษคือรากอากาศจะดูดคาร์บอนไดออกไซด์และคายออกซิเจนในตอนกลางคืน แต่ในตอนกลางวันกลับสลับคือดูดออกซิเจนแต่คายคาร์บอนไดออกไซด์ จึงเหมาะที่จะปลูกในห้องนอน ทั้งยังมีความสามารถในการดูดสารพิษจำพวก แอลกอฮอล์ อาซีโตน คลอโรฟอร์ม และฟอร์มัลดิไฮด์ได้ดีอีกด้วย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Phalaenopsis
วงศ์ ORCHIDACEAE
ถิ่นกำเนิด แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก
แสงแดด แดดกึ่งรำไร
อุณหภูมิ 16-24 องศาเซลเซียส
ความชื้น ต้องการความชื้นสูง
น้ำ ต้องการน้ำปานกลาง
การดูแล ชอบแดดกึ่งรำไร ต้องการความชื้นค่อนข้างสูง แต่ไม่แฉะ ระบายอากาศได้ดี รดน้ำสม่ำเสมอทุกวัน
การปลูก ปลูกลงในวัสดุปลูกที่โปร่ง ระบายอากาศได้ดี เช่น กาบมะพร้าว ถ่าน เม็ดดินเผา
การขยายพันธุ์ แยกหน่อ เพาะเมล็ด
อัตราการคายความชื้น ปานกลาง
อัตราการดูดสารพิษ น้อย
ไม้ประดับดูดสารพิษ
หน้าวัวเปลวเทียนคล้าหางนกยูงคริสต์มาสไซคลาเมนกล้วยไม้ฟาแลนอปซีสสับปะรดสีโกสนลิ้นมังกรว่านหางจระเข้กุหลาบหิน