ว่านน้ำชื่อวิทยาศาสตร์Acorus calamus Linn. วงศ์ARACEAE ชื่อสามัญMytle Grass, Sweet Flag ชื่ออื่นๆคงเจี้ยงจี้, ผมผา, ส้มชื่น, ฮางคาวน้ำ, ฮางคาวบ้าน (ภาคเหนือ) ตะไคร้น้ำ (เพชรบุรี) ทิสีปุตอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ว่านน้ำ, ว่านน้ำเล็ก, ฮางคาวผา (เชียงใหม่) ลักษณะทั่วไปว่านน้ำเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ตามริมหนองน้ำหรือบริเวณที่ชื้นแฉะ มีลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดินลักษณะเป็นเส้นกลมหนาสีขาวออกม่วง เจริญงอกงามตามยาวขนานกับ ผิวดิน ใบแตกจากเหง้า ลักษณะแข็งตั้งตรง รูปร่างแบนเรียวยาวคล้ายใบดาบฝรั่ง ปลายใบแหลม ผิวใบเรียบ เห็นเส้นกลางใบชัดเจน แตกใบเรียงสลับซ้ายขวาเป็นแผง ใบค่อนข้างฉ่ำน้ำ ดอกมีสีเขียวมีขนาดเล็กออกเป็นช่อ มีจำนวนมากอัดกันแน่นเป็นแท่งรูปทรงกระบอก มีก้านช่อดอกลักษณะคล้ายใบ การปลูกว่านน้ำปลูกได้ดีในที่ชื้นแฉะ มีน้ำท่วม ริมบ่อน้ำ ปลูกโดยการตัดต้นพันธุ์หรือเหง้าให้มีข้ออย่างน้อย 1 ข้อ ปักชำในกระบะทรายก่อน พอเริ่มงอกจึงย้ายไปปลูก หรือนำท่อนพันธุ์ไปปักประมาณ 1 สัปดาห์ จะเป็นใบอ่อนแตกออกมา ว่านน้ำเป็นพืชที่ชอบแสงแดดรำไร เจริญเติบโตได้ดีในฤดูฝน เมื่อเข้าปลายฤดูฝนเหง้าจะเริ่มมีใบแห้ง เริ่มจากเหง้าข้อที่ 1 ไปเรื่อยๆ ถ้าขาดน้ำในช่วงนี้เป็นเวลานาน เหง้าอาจจะแห้งตายได้แต่ถ้ามีน้ำอยู่ เหง้าก็ยังคงสดอยู่และแตกรากและใบใหม่ต่อไป การขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ สรรพคุณทางยาหัวว่านแต่มีกลิ่นหอม นำมาโขลก ต้มในน้ำเดือด กินน้อยๆ ทุกมื้อ วันละสามครั้ง เป็นยาแก้ปวดท้อง ธาตุเสีย บำรุงธาตุ แก้จุก ขับลมในลำไส้ ปรุงลงในยาขมต่างๆ ทำให้ระงับอาการปวดท้องได้ดี กินมากทำให้อาเจียนได้ หรือนำหัวว่านมาฝนผสมกับเหล้าขาว เจือน้ำลงไปเล็กน้อย ใช้ทาหน้าอกเด็กเพื่อดูดพิษแก้อักเสบของหลอดลมและปอด ใบว่านตำกับชุมเห็ดเทศใช้ทาแก้โรคผิวหนัง ![]() ว่าน ไม้ประดับนามมงคลวงศ์พลับพลึง AMARYLLIDACEAEวงศ์บอน ARACEAEวงศ์ทานตะวัน COMPOSITAEวงศ์เปล้า EUPHORBIACEAEวงศ์ธรรมรักษา HELICONIACEAEวงศ์ไอริส IRIDACEAEวงศ์ลิลลี่ LILIACEAEวงศ์คล้า MARANTHACEAEวงศ์กล้วยไม้ ORCHIDACEAEวงศ์ไม้เท้ายายม่อม TACCACEAEวงศ์องุ่น VITACEAEวงศ์ขิง ZINGIBERACEAE |
||