ว่านชักมดลูกชื่อวิทยาศาสตร์Curcuma xanthorrhiza Roxb. วงศ์ZINGIBERACEAE ชื่อสามัญ– ชื่ออื่นๆว่านทรหด, ว่านพระยาหัวศึก, ว่านการบูรเลือด ลักษณะทั่วไปว่านชักมดลูก เป็นไม้ล้มลุกจำพวกเหง้าใต้ดิน อยู่ในวงศ์ขิง สูงได้ถึง 2 เมตร เป็นพืชใบเดี่ยวเหมือนขมิ้น แต่มีความใหญ่โตผิดกว่ากันหลายเท่า เรียงกันเป็นกระจุก อยู่ใกล้ราก รูปขอบใบขนานแกมวงรี กว้าง 15-21 เซนติเมตร ยาว 40-90 เซนติเมตร โดยร่องกลางใบมีลักษณะเป็นทาง สีดำแดง หรือสีน้ำตาลหม่นปนแดง กว้างได้ถึง 10 เซนติเมตร กาบใบยาวได้ถึง 75 เซนติเมตร เหง้าหรือหัวมีลักษณะกลมใหญ่และเกลี้ยงเหมือนหัวเผือกอาจยาวได้ถึง 10 เซนติเมตร ผิวด้านนอกมีสีส้มอ่อน เนื้อในหัวมีสีขาวเหลือง, สีส้ม, หรือส้มแดง ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ปลูก ดอกมีลักษณะเป็นช่อเชิงลดรูปทรงกระบอกกว้าง 8-10 เซนติเมตร ยาว 16-20 เซนติเมตร ก้านดอกยาว15-20 เซนติเมตร ใบประดับที่รองรับดอกย่อยสีม่วง ยาวได้ถึง 9 เซนติเมตร ใบประดับที่รองรับดอกย่อยสีเขียวอ่อน ยาว 5-6 เซนติเมตร ใบประดับย่อยยาวได้ถึง 2.5 เซนติเมตร กลีบดอกสีชมพู เกสรตัวผู้ที่เป็นหมันสีขาว กลีบปาก สีเหลืองแถบกลางสีเหลืองเข้ม การปลูกปลูกในดินปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี โดยปลูกให้หัวโผล่พ้นดิน รดน้ำเช้าและเย็น ว่านชักมดลูกเป็นไม้ที่เจริญงอกงามได้ดีในฤดูฝน เมื่อเข้าหน้าหนาวต้นจะโทรมและทิ้งใบเกลี้ยง เหลือแต่หัวที่ฝังอยู่ในดิน ซึ่งต้องรีบขุดมาใช้ มิฉะนั้นสรรพคุณทางยาจะเสื่อมคุณภาพลง การขยายพันธุ์ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ สรรพคุณทางยาหัวว่านชักมดลูกนั้นมีกลิ่นฉุนร้อน ช่วยให้ประจำเดือนมาตามปกติ ช่วยบีบมดลูก ทำให้มดลูกเข้าอู่ กระชับช่องคลอด กระชับหน้าท้องที่หย่อนยานอันเกิดจากการคลอดบุตร ทำให้หน้าท้องตึงเรียบเหมือนสาวๆ และยังช่วยให้ผู้หญิงที่อารมณ์ทางเพศหายไปกลับมามีเหมือนเดิม รักษาอาการอาหารไม่ย่อย ว่าน ไม้ประดับนามมงคลวงศ์พลับพลึง AMARYLLIDACEAEวงศ์บอน ARACEAEวงศ์ทานตะวัน COMPOSITAEวงศ์เปล้า EUPHORBIACEAEวงศ์ธรรมรักษา HELICONIACEAEวงศ์ไอริส IRIDACEAEวงศ์ลิลลี่ LILIACEAEวงศ์คล้า MARANTHACEAEวงศ์กล้วยไม้ ORCHIDACEAEวงศ์ไม้เท้ายายม่อม TACCACEAEวงศ์องุ่น VITACEAEวงศ์ขิง ZINGIBERACEAE |
||