ว่านค้างคาวชื่อวิทยาศาสตร์Tacca chantrieri Andre วงศ์TACCACEAE ชื่อสามัญBat Flower ชื่ออื่นๆเนระพูสีไทย(ภาคกลาง), ม้าถอนหลัก, มังกรดำ (เชียงใหม่), ดีปลาช่อน, ดีงูหว้า (เหนือ), ค้าวคาวดำ (กลาง), คลุ้มเลีย, ว่านหัวฟ้า (จันทบุรี) ลักษณะทั่วไปเป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีเหง้าใต้ดิน ใบรูปขอบขนานถึงรูปใบหอกกว้าง 6-18 ซม. ยาว 20-60 ซม. ปลายใบแหลมหรือเป็นติ่งแหลม โคนใบแหลม เบี้ยวเล็กน้อย ก้านใบยาวประมาณ 15-30 ซม. ดอกออกเป็นช่อมี 1-3 ช่อ ยาวได้ถึง 70 ซม. แต่ละช่อมี 4-25 ดอก ลักษณะคล้ายค้างคาวบิน กลีบประดับมี 2 คู่ ไร้ก้าน สีม่วงแกมเขียวถึงสีม่วงดำ คู่นอกรูปไข่ รูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาวประมาณ 6 ซม. คู่ในรูปไข่หรือรูปไข่กลับยาว 7-14 ซม. กลีบประดับเป็นเส้นมี 5-25 เส้น สีอ่อนกว่าแผ่นกลีบประดับ ยาว 10-25 ซม. กลีบรวมติดเป็นหลอดสั้นๆ ปลายแยกเป็น 6 กลีบ เรียง 2 วง สีม่วงน้ำตาล รูปรูปใบหอก ยาวประมาณ 0.5-1.2 ซม. ก้านดอกยาว 2-3.5 ซม. ผลรูปขอบขนานแกมสามเหลี่ยม มีสันเป็นคลื่นตามยาว สีน้ำตาลม่วง การปลูกปลูกในดินร่วนที่ชุ่มชื้นแต่ต้องระบายน้ำได้ดี ไม่ขังแฉะ ควรปลูกในที่แดดรำไร รดน้ำเช้าและเย็น การขยายพันธุ์โดยการแยกเหง้าหรือเพาะเมล็ด สรรพคุณทางยาเหง้า ต้มหรือดองสุรา แก้โรคความดันต่ำ บำรุงกำลังทางเพศ สตรีมีครรภ์ ใช้ทั้งต้นนำมาต้มอาบแก้เม็ดผื่นคันตามร่างกาย ว่าน ไม้ประดับนามมงคลวงศ์พลับพลึง AMARYLLIDACEAEวงศ์บอน ARACEAEวงศ์ทานตะวัน COMPOSITAEวงศ์เปล้า EUPHORBIACEAEวงศ์ธรรมรักษา HELICONIACEAEวงศ์ไอริส IRIDACEAEวงศ์ลิลลี่ LILIACEAEวงศ์คล้า MARANTHACEAEวงศ์กล้วยไม้ ORCHIDACEAEวงศ์ไม้เท้ายายม่อม TACCACEAEวงศ์องุ่น VITACEAEวงศ์ขิง ZINGIBERACEAE |
||